สังขตธรรม กับ อสังขตธรรม คืออะไร
วิดีโอ
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
 
   ภิกษุทั้งหลาย !สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. ๓ อย่างอย่างไรเล่า ? ๓ อย่างคือ :- ๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ); ๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปญฺญายติ); ๓. เมื่อตั้งอยู่ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ). ภิกษุทั้งหลาย ! สามอย่างเหล่านี้แล คือ สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม.   อสังขตลักษณะ   ภิกษุทั้งหลาย ! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ๓ อย่างอย่างไรเล่า ? ๓ อย่างคือ :- ๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ); ๒. ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ); ๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ). ภิกษุทั้งหลาย ! สามอย่างเหล่านี้แล คือ อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.   พุทธวจน ปฐมธรรม  หน้า ๓๐๔-๓๐๕ .(ภาษาไทย) ติก. อํ. ๒๐/๑๔๔/๔๘๗. : คลิกดูพระสูตร  
	   อานนท์ ! ถ้าคนทั้งหลาย จะพึงถามเธออย่างนี้ว่า “ท่านอานนท์! กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น จากที่เป็นอยู่แล้วก็ดีได้ถูกบัญญัติแล้ว จักถูกบัญญัติ และย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่ธรรมเหล่าไหนเล่า ?” ดังนี้. อานนท์ !เธอถูกถามอย่างนี้แล้ว จะตอบเขาว่าอย่างไร ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ถ้าคนทั้งหลาย จะพึงถามข้าพระองค์เช่นนั้นแล้ว ข้าแต่พระองค์จะตอบแก่เขาอย่างนี้ว่า ‘ผู้มีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด ล่วงไปแล้วดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ได้ถูกบัญญัติแล้วแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น. ผู้มีอายุ ! รูปเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใดยังไม่เกิด ยังไม่ปรากฏ ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดีกฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี จักถูกบัญญัติแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น, ผู้มีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด เป็นสิ่งเกิดอยู่แล้ว ปรากฏอยู่แล้ว ;  กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.’ ดังนี้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ เมื่อถูกถามอย่างนั้น จะพึงตอบแก่เขาอย่างนี้.” ถูกแล้ว อานนท์ ! ถูกแล้ว อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ได้ถูกบัญญัติแล้ว แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.  อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใด ยังไม่เกิด ยังไม่ปรากฏ ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี จักถูกบัญญัติแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.  อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใด เป็ นสิ่งเกิดอยู่แล้ว ปรากฏอยู่แล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.  อานนท์ ! เธอ เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว พึงตอบแก่เขาอย่างนี้เถิด.   (เรื่องควรดูประกอบในเล่มนี้หน้า๔๑๕, ๔๓๘, ๔๔๒, ๔๔๘, ๕๐๒, ๘๐๕ / ในพุ.โอ.หน้า๓๙๙, ๔๖๒ / ในปฏิจจ.โอ.หน้า๑๕, ๖๕๕) อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น  หน้า ๒๒๓ (ภาษาไทย) ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๗/๘๑-๘๒. : คลิกดูพระสูตร  
	   ภิกษุทั้งหลาย ! รูป เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้; ภิกษุทั้งหลาย ! เวทนา เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้; ภิกษุทั้งหลาย ! สัญญา เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้; ภิกษุทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้; ภิกษุทั้งหลาย ! วิญญาณ เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้ แล.   อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น  หน้า ๒๓๓ (ภาษาไทย) ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๕๐/๔๗๘.: คลิกดูพระสูตร 
	   ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะฉะนั้น ในกรณีนี้, สิ่งใดมิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละสิ่งนั้นเสีย, สิ่งนั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน.  ภิกษุทั้งหลาย ! ก็สิ่งใดเล่า มิใช่ของพวกเธอ? ภิกษุทั้งหลาย ! รูป มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละรูปนั้นเสีย ;  รูปนั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน.   ภิกษุทั้งหลาย ! เวทนา มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละเวทนานั้นเสีย ;  เวทนานั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเองตลอดกาลนาน.   ภิกษุทั้งหลาย ! สัญญา มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละสัญญานั้นเสีย ; สัญญานั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน.   ภิกษุทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละสังขารทั้งหลายเหล่านั้นเสีย ; สังขารทั้งหลายเหล่านั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน.   ภิกษุทั้งหลาย ! วิญญาณ มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละวิญญาณนั้นเสีย ; วิญญาณนั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน.   ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอจะสำคัญ ความข้อนี้ว่าอย่างไร ?  คือ ข้อที่หญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ ใดๆ มีอยู่ ในเชตวันนี้, เมื่อคนเขาขนเอามันไปก็ตาม เผาเสียก็ตาม หรือกระทำตามความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ;  พวกเธอเคยเกิดความคิดอย่างนี้บ้างหรือไม่ ว่า “คนเขาขนเอาเราไปบ้าง  เขาเผาเราบ้าง เขาทำแก่เราตามความปรารถนาของเขาบ้าง” ดังนี้? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า!”     ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ?  “เพราะเหตุว่านั่น หาได้เป็น ตัวตน หรือของเนื่องด้วยตัวตน ของข้าพระองค์ไม่ พระเจ้าข้า !” ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น, คือ สิ่งใด มิใช่ของพวกเธอ, พวกเธอจงละสิ่งนั้นเสีย ;  สิ่งนั้น อันพวกเธอละได้แล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน แล.   อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น  หน้า ๒๔๓ (ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒/๑๙๕/๒๘๗. : คลิกดูพระสูตร   
	   ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุนั้น  ย่อมรู้ยิ่ง ซึ่งนิพพานโดยความเป็นนิพพาน   ครั้นรู้ยิ่ง ซึ่งนิพพานโดยความเป็นนิพพานแล้ว ย่อม  ไม่สำคัญมั่นหมาย   ซึ่ง นิพพาน  (นิพฺพานํ น มฺญติ) ; ย่อม  ไม่สำคัญมั่นหมาย   ใน นิพพาน  (นิพฺพานสฺมึ น มฺญติ) ;  ย่อม  ไม่สำคัญมั่นหมาย   โดยความเป็น นิพพาน  (นิพฺพานโต น มฺญติ) ; ย่อม  ไม่สำคัญมั่นหมาย   นิพพาน ว่าของเรา  (นิพฺพานมฺเมติ น มฺญติ) ; ย่อม  ไม่เพลิดเพลินอย่างยิ่ง ซึ่งนิพพาน  (นิพฺพานํ นาภินนฺทติ). ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุใดเปน พระอรหันต   มีอาสวะสิ้นแลว  อยูจบพรหมจรรย  ทํากิจที่ตองทําสําเร็จแลว  มีภาระอันปลงลงแลว  มีประโยชนของตนอันตามถึงแลว  มีสังโยชนในภพ  สิ้นไปรอบแลว  เปนผูหลุดพนแลว  เพราะรูโดยชอบ ;    ภิกษุนั้น  ยอมรูยิ่งซึ่งนิพพานโดยความเปนนิพพาน;  …      ขอนั้น  เรากลาววาเพราะ    นิพพานเป็นสิ่งที่เธอนั้นกําหนดรู้รอบแล้ว.   อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น  หน้า ๖๔๖ (ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒/๖/๔. : คลิกดูพระสูตร   
	
 
	


